ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งเป็นส่วนสำคัญ 5 ส่วน คือ
1.หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)
2.หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)
3.หน่วยความจำ (Memory Unit)
4.หน่วยแสดงผล (Output Unit)
5.อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ (Peripheral Equipment)
- หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) => Hardware ที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยรับข้อมูล ได้แก่
๐ Keyboard
๐ Mouse => แบบใช้แสง , แบบไร้สาย
๐ OCR (Optical Character Reader)
๐ OMR (Optical Mark Reader)
๐ เครื่องอ่านพิกัด (Digitizer)
๐ สแกนเนอร์ (Scanner)
*แบบเลื่อนกระดาษ
*แบบแท่นนอน
*แบบมือถือ
๐ ปากกาแสง (Light pen)
๐ จอยสติก (Joy Sticks)
๐ จอสัมผัส (Touch Screen)
๐ เครื่องเทอร์มินัล (Point of Sale Terminal)
๐ แผ่นสัมผัส (Touch Pads)
๐ กล้องดิจิทัล (Digital Camera)
๐ อุปกรณ์รับข้อมูลเสียง (Voice Input Devices)
๐ Keyboard
๐ Mouse => แบบใช้แสง , แบบไร้สาย
๐ OCR (Optical Character Reader)
๐ OMR (Optical Mark Reader)
๐ เครื่องอ่านพิกัด (Digitizer)
๐ สแกนเนอร์ (Scanner)
*แบบเลื่อนกระดาษ
*แบบแท่นนอน
*แบบมือถือ
๐ ปากกาแสง (Light pen)
๐ จอยสติก (Joy Sticks)
๐ จอสัมผัส (Touch Screen)
๐ เครื่องเทอร์มินัล (Point of Sale Terminal)
๐ แผ่นสัมผัส (Touch Pads)
๐ กล้องดิจิทัล (Digital Camera)
๐ อุปกรณ์รับข้อมูลเสียง (Voice Input Devices)
- หน่วยความจำ (Memory Unit) => เป็นหน่วยจัดเก็บข้อมูลที่ทำงานได้รวดเร็วที่สุด
๐ หน่วยความจำหลัก (Main Memory)
*รอม (Read Only Memory : ROM)
*แรม (Random Access Memory : RAM)
๐ หน่วยความจำสำรอง (Second Memory)
*ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)
*ฟล็อบปี้ดิสก์ (Floppy Disk)
*ซีดี (Compact Disk : CD)
^ รีมูฟเวเบิลไดร์ฟ (Removable Drive) => เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ไม่ต้องมีตัวขับเคลื่อน
^ ซิปไดร์ฟ (Zip Drive) => เป็นสื่อบันทึกข้อมูลที่จะมาแทนแผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ มีขนาดความจุ 100 MB
^ Magnetic Optical Disk Drive เป็นสื่อเก็บข้อมูลขนาด 3.5” ซึ่งมีขนาดพอๆ กับฟล็อปดิสก์
^ เทปแบล็คอัพ (Tape Backup) => ขนาดความจุประมาณ 10-100 GB
^ การ์ดเมมโมรี (Memory Card) => มีขนาดเล็กพัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ
^ หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU)
๐ หน่วยคำนวณและตรรกะ (Arithmetic & Logical Unit : ALU) => ทำหน้าที่เหมือนกับเครื่องคำนวณอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์
๐ หน่วยควบคุม (Control Unit) => ทำหน้าที่ควบคุมลำดับขั้นตอนการประมวล ผลรวมไปถึงการประสานงานกับอุปกรณ์นำเข้าข้อมูล อุปกรณ์แสดงผลและหน่วยความจำสำรองด้วย
- หน่วยแสดงผล (Output Unit) => ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์เมื่อ CPU ทำการประมวลผล
๐ จอภาพ (Monitor) => CRT , LCD
๐ เครื่องพิมพ์ (Printer)
๐ ลำโพง (Speaker)
- อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ
๐ โมเด็ม (Modem) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ติดต่อกับโลกภายนอก
๐ แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่าย (LAN card) ทำหน้าที่ในการรับส่งข้อมูล
การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ควรพิจารณาสิ่งต่างๆ ดังนี้
- ความจำเป็นในการใช้งาน
- วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
-งบประมาณ
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ควรพิจารณา
๐ จอภาพ (Monitor) => CRT , LCD
๐ เครื่องพิมพ์ (Printer)
๐ ลำโพง (Speaker)
- อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ
๐ โมเด็ม (Modem) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ติดต่อกับโลกภายนอก
๐ แผงวงจรเชื่อมต่อเครือข่าย (LAN card) ทำหน้าที่ในการรับส่งข้อมูล
การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ควรพิจารณาสิ่งต่างๆ ดังนี้
- ความจำเป็นในการใช้งาน
- วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
-งบประมาณ
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ควรพิจารณา
-หน่วยประมวลผลกลาง-แผงวงจรหลัก
- แรม
- ฮาร์ดดิสก์
- การ์ดแสดงผล
- จอภาพ
- ซีดีรอมไดร์ฟ
- อุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรอง
- การ์ดเสียง
- แรม
- ฮาร์ดดิสก์
- การ์ดแสดงผล
- จอภาพ
- ซีดีรอมไดร์ฟ
- อุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรอง
- การ์ดเสียง
- อุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย- เครื่องพิมพ์
การเลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา
โน๊ตบุ๊ค เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปทำงานนอกอาคารสถานที่
เดสก์โน๊ต เหมาะกับผู้ใช้งานที่มีการเคลื่อนย้ายสถานที่ภายในอาคารเดียวกันหรือสถานที่ที่มีปลั๊กไฟพร้อมใช้งานตลอดเวลา
คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่ควรพิจารณา
- จอภาพ
- แบตเตอรี่
- หน่วยความจำ
- ฮาร์ดดิสก์
- ระบบมัลติมีเดีย
- โมเด็ม
- เน็ตเวิร์ก
Software
ซอฟต์แวร์ => โปรแกรมคำสั่งที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ประเภทของซอฟต์แวร์ มี 2 ประเภท คือ
1.ซอฟต์แวร์ระบบ => โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่เขียนเพื่อควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
ประเภทของซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
- โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS)
หน้าที่หลักๆ ของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ มีดังนี้
๐ การจองและการกำหนดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์
๐ การจัดตารางงาน (Scheduling)
๐ การติดตามผลของระบบ (Monitoring)
๐ การทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน (Multiprogramming)
๐ การจัดแบ่งเวลา (Time Sharing)
๐ การประมวลผลหลายชุดคำสั่งพร้อมกัน (Multiprocessing)
- โปรแกรมภาษา (Language Software) แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
๐ ภาษาเครื่อง (Machine Language) เป็นภาษาเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมีโครงสร้างและพื้นฐานเป็นเลขฐานสอง และตัวสติง(Strings) ซึ่งเครื่องสามารถเข้าใจและพร้อมที่จะทำงานตามคำสั่งได้ในทันที
๐ ภาษาใช้สัญลักษณ์ (Symbolic Language) จะใกล้เคียงกับภาษาเครื่องมากคือ ประกอบด้วย 2 ส่วน Op-Code และ Operands
๐ ภาษาระดับสูง (High-Level Language) ประกอบด้วยความเจริญทางด้านซอฟต์แวร์มีมากขึ้น
- โปรแกรมยูทิลิตี้ (Utility Software) เป็นโปรแกรมที่ให้บริการต่างๆ เช่น การจัดเรียงข้อมูลตามหลักใดหลักหนึ่ง (Sort) เป็นต้น
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ => โปรแกรมเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานเฉพาะอย่างมี 2 ประเภท คือ
1.ซอฟต์แวร์ระบบ => โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่เขียนเพื่อควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
ประเภทของซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
- โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS)
หน้าที่หลักๆ ของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ มีดังนี้
๐ การจองและการกำหนดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์
๐ การจัดตารางงาน (Scheduling)
๐ การติดตามผลของระบบ (Monitoring)
๐ การทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน (Multiprogramming)
๐ การจัดแบ่งเวลา (Time Sharing)
๐ การประมวลผลหลายชุดคำสั่งพร้อมกัน (Multiprocessing)
- โปรแกรมภาษา (Language Software) แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
๐ ภาษาเครื่อง (Machine Language) เป็นภาษาเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมีโครงสร้างและพื้นฐานเป็นเลขฐานสอง และตัวสติง(Strings) ซึ่งเครื่องสามารถเข้าใจและพร้อมที่จะทำงานตามคำสั่งได้ในทันที
๐ ภาษาใช้สัญลักษณ์ (Symbolic Language) จะใกล้เคียงกับภาษาเครื่องมากคือ ประกอบด้วย 2 ส่วน Op-Code และ Operands
๐ ภาษาระดับสูง (High-Level Language) ประกอบด้วยความเจริญทางด้านซอฟต์แวร์มีมากขึ้น
- โปรแกรมยูทิลิตี้ (Utility Software) เป็นโปรแกรมที่ให้บริการต่างๆ เช่น การจัดเรียงข้อมูลตามหลักใดหลักหนึ่ง (Sort) เป็นต้น
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ => โปรแกรมเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานเฉพาะอย่างมี 2 ประเภท คือ
- ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไปหรือซอฟต์แวร์สำเร็จรูป => โปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อใช้งานในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น งานการพิมพ์ งานวาดภาพ เป็นต้น
- ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน => เป็นโปรแกรมที่ผลิตขึ้นมาเพื่อทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง และไม่สามารถทำงานอื่นได้ เช่น โปรแกรมระบบบัญชี เป็นต้น
2. เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมใช้ในการติดต่อสื่อสาร รับ/ส่ง ข้อมูลจากที่ไกลๆ เป็นการส่งของข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือที่อยู่ห่างไกลกัน ซึ่งจะช่วยให้การเผยแพร่ข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผู้ใช้ในแหล่งต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และทันการณ์ ซึ่งรูปแบบของข้อมูลที่ รับ/ส่ง อาจเป็นตัวเลข (Numeric Data) , ตัวอักษร (Text) , ภาพ (Image) และเสียง (Voice)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น